ม่อนปุยหมอกเปรียบเสมือนท้องทะเลเมฆหมอก

ม่อนปุยหมอก

ม่อนปุยหมอก สถานที่เที่ยวที่ฟังชื่อแล้วดูเก๋ไก๋น่ารักๆ อยู่ที่ไหน และมีความเป็นมาอย่างไรนั้นต้องติดตามอ่านแหล่งท่องเที่ยวที่แนะนำในบทความนี้ให้จบครับ

ม่อนปุยหมอก ตั้งอยู่ในจังหวัดตาก ดินแดนทิศตะวันตกที่มีแนวขอบประเทศติดกับพม่า "ม่อนปุยหมอก" ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย ถ้าบอกว่าแต่เดิมคือ ม่อนกระทิงที่เป็นสถานที่เที่ยวที่ชื่อดังเมื่อสัก 20 ปีที่ผ่านมา

ม่อนปุยหมอก เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ แม่เมย เป็นเส้นทางที่ต้องเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาสูง ซึ่งอยู่ทางด้านที่ทำการอุทยานฯ เดินขึ้นไปยังยอดดอยอีก 3-4 กม. ใช้เวลาเดินป่าไปราว 4-5 ชม. และต้องพักค้างคืนบนยอดเขา ท่ามกลางลมฟ้าอากาศที่หนาวเหน็บ เราจึงต้องเตรียมเต็นท์ ถุงนอน เครื่องกันหนาว และเสบียงอาหารไปให้พอเพียง

ปกติแล้วในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเมยชายแดนไทยแห่งนี้จะเป็นแหล่งความชุ่ม ชื้นที่เกิดจากผืนป่าและลำน้ำที่สมบูรณ์ เราจึงสามารถพบเห็นทะเลหมอกที่อุทยานฯ แม่เมยได้ทุกฤดูกาล ยกเว้นช่วงสภาพปิดหรือเปลี่ยนแปลง หากว่าเป็นช่วงฤดูหนาว แหล่งทะเลหมอกที่แม่เมยแห่งนี้จะไม่สร้างความผิดหวังแม้แต่น้อย

จุดเด่นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย มีม่อนกิ่วลม เป็นจุดเดียวที่สามารถชมสุริยาขึ้นในยามเช้าได้ ส่วนม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกได้เช่นกัน ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากเป็นมุมด้านทิศประจิม อีกทั้งมิติของทิวทัศน์ยังแบนราบสู้มุมที่ม่อนกิ่งลมไม่ได้ เนื่องด้วยมีภูเขาสลับซับซ้อน เป็นมุมมองที่สวยกว่าพหุคูณ

จากแยกบ้านแม่สลิด ขึ้นไปตามทางสูงชันและวนเวียน สิบกิโลเมตรแรกก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมยจัดการเรื่องความพร้อม สำหรับเดินป่าขึ้นไปยังม่อนปุยหมอก มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำทาง พร้อมลูกหาบแบกสัมภาระส่วนหนึ่ง โดยมีเส้นทางเดินตัดขึ้นเขาตามเส้นทางลำลองที่อยู่ด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ เลียบเลาะสายน้ำใสๆ ผ่านแนวป่าทึบ การเดินทางของเราเป็นไปอย่างช้าๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการชักรูปในช่วงระหว่างทางที่ผ่าน บางช่วงต้องปีนป่ายเนินผาหินชัน จนกระทั่งมาพบกับน้ำตกผาเทวะ เป็นน้ำตกขนาดปานกลางที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ มีขนาดความสูงและความงามอยู่พอสมควร เป็นสายน้ำตกที่ไหลลงไปหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นและเติมเต็มบรรยากาศในบริเวณ ที่ทำการอุทยานฯ ให้สวยงามราวกับสวนหย่อม เมื่อเดินขึ้นถึงสันเขาก็ยังมีมุมมองที่เห็นสายน้ำตกผาเทวะไหลจากผาสูงซ่อน ตัวอยู่ในดงดาน

ผ่านเนินเขาลูกรแกจนกระทั่งมาถึงบริเวณทุ่งหญ้าสีทองต้องตาต้องใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นหญ้าเส้นผมยาว แตกต่างจากทุ่งหญ้าแห่งอื่นๆ ที่เคยเห็นมา แนวทุ่งหญ้าพริ้วตัวตามจังหวะกระแสลมที่พัดผ่าน เป็นความงดงามที่มหัศจรรย์ที่ได้พบในเส้นทางสู่ยอดดอยม่อนปุยหมอก

เมื่ออยู่บนสันเขาสูงเส้นทางเดินป่าค่อนข้างสบายๆ มีแนวสันเขาเชื่อมตื่อไปยังยอดต่างๆ จนกระทั่งมาถึงสันเขาที่เป็นยอดสูงสุดของม่อนปุยหมอก มีทำเลกางเต็นท์พอใช้ได้ มีจุดชมวิวอยู่ไม่ไกลตั้งอยู่บนแนวสันเขาด้านล่าง สามารถเห็นร่องหุบแม่น้ำเมยที่กั้นแนวพรมแดนไทย-พม่า ได้ตลอดแนว พร้อมกับเทือกเขาสลับซับซ้อนที่อยู่แดนประเทศพม่า

กลางคืนฟ้าโปร่งใส ดวงดาวเจิดจรัสเต็มท้องฟ้า ท่ามกลางอากาศที่หนาว เราก็ต้องรีบเข้าเต็นท์เพื่อเตรียมตัวตื่นเช้า เพื่อชมทะเลหมอกและความงามก่อนฟ้าสาง ซึ่งเราต้องตั้งเวลาปลุกจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่สำคัญๆ

ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น เราต้องรีบตื่นขึ้นมาก่อนที่ดวงตะวันจะขับแสงจากขอบฟ้า ช่วงเวลาสำคัญที่เราได้แสงสีอันสวยงามจับขอบฟ้า ขณะเดียวกันที่ผืนทะเลหมอกสีขาวกำลังก่อตัวอยู่ก้นหุบเขา อันหมายถึงแหล่งขุนน้ำ ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผืนดินและก่อตัวเป็นผืนทะเลหมอกขึ้นมา

พลังแสงสีที่จับผืนฟ้าได้แปรผันจากน้ำเงินเข้ม พร้อมขับแสงสีเหลืองทองจากเส้นขอบฟ้าในตำแหน่งตะวันขึ้น แนวทะเลหมอกสีขาวที่จับตัวนิ่งทอดยาวตามร่องหุบลำน้ำเมยมีฉากหลังที่เป็น ปราการขุนเขาน้อยใหญ่เรียงรายเติมแต่งให้ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้ามีความงดงาม ยิ่งขึ้น

มุมภาพทะเลหมอกที่มีความกว้างประมาณ 180 องศา มองไปทางไหนก็สวยไปหมด จังหวะแสงสี องค์ประกอบกลุ่มทะเลหมอกและแนวเทือกเขา จะเป็นมุมมองที่เราเลือกบันทึกภาพไว้อย่างต่อเนื่อง ดวงตะวันโผล่ขึ้นขอบฟ้าเยื้องออกไปทางด้านซ้ายลึกไปทางตอนบนของหุบน้ำเมยบทบันทึกความงามธรรมชาติของผืนทะเลหมอกในโมงยามเช้าในดินแดนดอยในอุทยาน แห่งชาติแม่เมย กระแสความชื่นชอบก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่จางหายไปเป็นสิบปี วันนี้ไม่เพียงแค่ม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส หรือม่อนกิ่งลม ยังมีม่อนปุยหมอกเป็นกระแสที่มาแรงในรอบปีที่ป่านมา ภายภาคหน้าม่อนปุยหมอกก็คงเป็นมนต์เสน่ห์สำหรับเรียกคนให้กลับมาเยือนดินแดนที่มีเหตุการณ์ในอดีตแห่งนี้อีกครั้ง

No comments:

Post a Comment